วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2561

กระเป๋าสะพายแฟชั่นป่านศรนารายณ์สีดำ

กระเป๋าสะพายแฟชั่นป่านศรนารายณ์

          กระเป๋าสะพายแฟชั่นป่านศรนารายณ์สีดำ มีลักษณะเป็นทรงกลมคล้ายกับถุงหิ้ว เหมาะสำหรับใส่ของอเนกประสงค์ สิ่งของที่จำเป็น ของมีค่าที่ต้องติดตัวตลอดเวลา เช่น โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ หรือเพาเวอร์แบงค์ เหมาะสำหรับสาวๆทุกวัย


งาน Handmade กระเป๋าสะพายแฟชั่นป่านศรนารายณ์สีดำ

กระเป๋าจากเส้นใยป่าน เป็นกระเป๋าที่ทำด้วยมือ โดยเส้นใยนั้นมาจากต้นป่าน โดยจะมีคุณสมบัติที่เด่นกว่าเส้นใยอื่นๆ ก็คือ ไม่ลื่น มีการยืดหดตัวน้อย มีความทนทานมากเมื่อถูกน้ำ ซึ่งกระเป๋าใบนี้เป็นกระเป๋าที่ใช้ใส่ของแบบสะพายข้าง พกพาได้ง่าย สะดวกต่อการเดินทาง และเป็นสีที่แมทกับชุดได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสะพายข้างสตรี กระเป๋าแฟชั่นสตรี สะพายแล้วดูดีมีราคา ทั้งๆที่ราคาย่อมเยาว์ ราคาเป็นกันเอง ไม่ว่าจะสะพายไปไหน ก็เป็นที่ต้องตาของผู้คนรอบๆข้าง ข้างในกระเป๋าจะกว้าง สามารถใส่ของที่จำเป็นได้ เช่น กระเป๋าสตางค์ มือถือ และเครื่องสำอาง ได้เยอะพอสมควร

ผลิตภัณฑ์ OTOP ป่านศรนารายณ์

ป่านศรนารายณ์ เป็นพืชที่ทนต่อความแห้งแล้ง ชอบแสงแดด ถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศเม็กซิโก สำหรับประเทศไทยหลวงอรินทร์ชาติสังหารได้นำเข้ามาจากต่างประเทศโดยนำไปปลูกใว้ในที่ดินของท่านที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมามีการขยายพันธ์แจกจ่ายให้กับชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงปลูกเป็นไม้ประดับแนวรั้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำอาชีพการประมง และมักนำเส้นใยป่านศรนารายณ์มาทำเป็นเกลียวเชือกสมอเรือ ซึ่งในปี2517 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จเยี่ยมเยียนสมาชิกในหมู่บ้านหุบกะพงได้ทรงเล็งเห็นว่าเส้นใยป่านศรนารายณ์มีความเหนียวทนทานไม่ผุเปื่อยง่าย เหมาะสำหรับทำผลิตภัณฑ์หัตถกรรมต่างๆ จึงทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้กระทรวงอุตสาหกรรมให้การอบรมการทำผลิตภัณฑ์จักสานป่านศรนารายณ์ให้แก่ชาวบ้านเรื่อยมาจนเป็นที่รู้จักแพร่หลายทั้งในและนอกประเทศจนถึงปัจจุบัน

ศึกษาดูงานบ้านหุบกะพง

หุบกะพง อยู่ก่อนถึงชะอำประมาณ 4 กิโลเมตร ตามเส้นทาง 3203 ตรงหลักกิโลเมตรที่ 201-202 จะมีทางแยกขวามือเป็นถนนลาดยาง เข้าไปอีกประมาณ 8 กิโลเมตร ก็จะถึงสหกรณ์หุบกะพง ซึ่งอยู่ในตำบลเขาใหญ่ เขตอำเภอชะอำ แต่เดิมมีสภาพแห้งแล้ง จนในปี พ.ศ.2505 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริที่จะช่วยเหลือเกษตรกรในนิคมเขื่อนเพชร โครงการพัฒนาชนบท “หุบกระพง” ตามพระราชประสงค์จึงได้เริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2507 โดยมีประเทศอิสราเอลให้ความช่วยเหลือ โครงการนี้ชื่อว่า “โครงการไทย-อิสราเอล” ได้มีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกพืชผลต่าง ๆ ตามความต้องการของตลาด มีการแนะนำให้เกษตรกรรู้จักการปลูกพืชตามหลักวิชาการ และมีการจัดตั้งสหกรณ์การเกษตรหุบกะพง นักท่องเที่ยวสามารถซื้อผลิตผลทางการเกษตรได้ที่ ตลาดหน้าศูนย์สาธิต รวมทั้งสามารถซื้อสินค้าในโครงการศิลปาชีพ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากป่านศรนารายณ์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น